เมนู

ย่อมยังบุคคลให้บ่นว่า จิตของเราเกรียมแล้ว ไม่มีอะไร ๆ แจ่มใส ดังนี้.
มนะที่ถึงทุกข์ ชื่อว่า ทุมมนะ (เสียใจ) ภาวะแห่งทุมมนะนั้น ชื่อว่า
ความโทมนัส ชื่อว่า ลูกศร คือ ความโศกเศร้า ด้วยอรรถว่าแล่นเข้าไป
โดยลำดับ เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า โสกสัลละ (ลูกศรคือความโศก).
คำว่า อยํ วุจฺจติ โสโก (นี้เรียกว่า โสกะ) ความว่า นี้เราย่อม
เรียกชื่อว่า โสกะ ก็ความโศกนี้ว่าโดยใจความก็ได้แก่ โทมนัสเวทนาอย่าง
เดียวเท่านั้น แม้เมื่อเป็นเช่นนั้น ความโศกนั้น อนฺโตนิชฺฌายนลกฺขโณ
มีการเผาไหม้ภายในเป็นลักษณะ เจตโส ปรินิชฺฌายนรโส มีการเผารนใจ
เป็นรส อนุโสจนปจฺจุปฏฺฐาโน มีความเศร้าโศกเนืองๆ เป็นปัจจุปัฏฐาน*.

พึงทราบอรรถแห่งความโศกเป็นทุกข์


ก็ในข้อว่า พึงทราบอรรถแห่งความโศกเป็นทุกข์ นี้ ความว่า
โศกนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นทุกข์ เพราะความโศกนั้นเป็นสภาว
ทุกข์ และเพราะเป็นวัตถุที่ตั้งแห่งทุกข์.
ถามว่า ของทุกข์ไหน ?
ตอบว่า ของทุกข์กาย และทุกข์คือโทมนัสในขณะแห่งชวนะ.
จริงอยู่ ด้วยกำลังแรงของความโศก ฝีใหญ่ย่อมตั้งขึ้นที่หัวใจสุกงอม
แล้วย่อมแตกออก และโลหิตดำย่อมไหลออกทางปากแผล ทุกข์ทางกายรุนแรง
ย่อมเกิดขึ้น. เมื่อครุ่นคิดอยู่ว่า ญาติของเราเท่านี้สิ้นไปแล้ว โภคะของเรา
เท่านี้สิ้นไปแล้ว ดังนี้ โทมนัสแรงกล้าก็เกิดขึ้นได้.
* คำว่า โทสจิตฺตุปฺปาทปทฏฺฐาโน โศกมีโทสจิตตุปบาทเป็นปทัฏฐาน ในที่นี้ท่านไม่กล่าวไว้.